รัฐมนตรีเกษตรฯ จับมือ พาณิชย์ ใส่เกียร์สั่งลุยแก้ปัญหามะพร้าว

รัฐมนตรีเกษตรฯ จับมือ พาณิชย์ ใส่เกียร์สั่งลุยแก้ปัญหามะพร้าว มั่นใจ ไม่เกินปลายปีนี้ ราคากลับสู่ภาวะปกติ
พร้อมขอบคุณผู้ประกอบการมะพร้าวและถั่วเหลือง ร่วมสนับสนุนภารกิจภาครัฐช่วยเกษตรกรไทยดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลุยแก้ปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลือง จับมือกระทรวงพาณิชย์ มอบทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงเกษตรฯ เร่งดำเนินการตามมาตรการคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเพื่อให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนมะพร้าว และถั่วเหลืองมีรายได้อย่างเพียงพอต่อการครองชีพพร้อมขอบคุณผู้ประกอบการนำเข้ามะพร้าวและถั่วเหลืองที่ให้ความร่วมมือการดำเนินงานตามนโยบายของภาครัฐด้วยดีมาโดยตลอดจากกรณีปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำที่เกิดขึ้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมกับทุกหน่วยงานในการเร่งแก้ปัญหาเพื่อให้ปริมาณผลผลิตมะพร้าวที่ออกสู่ตลาดกับสัดส่วนปริมาณการนำเข้าและปริมาณการใช้ในประเทศ มีความสมดุลกันและไม่ส่งผลกระทบต่อราคามะพร้าวที่เกษตรกรขายได้
รวมทั้งได้มอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์และร่วมรับฟังปัญหาจากเกษตรชาวสวนมะพร้าว เครือข่ายชาวสวนมะพร้าว

สมาพันธ์ชาวสวนมะพร้าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมาพร้อมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหา
และเสนอให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช พิจารณาให้ความเห็นชอบโดยเร็วซึ่งล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565
มีมติเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำเรียบร้อยแล้ว ดังนี้

1. ผู้ประกอบการยินดีที่จะชะลอการนำเข้ามะพร้าวผล ภายใต้กรอบความตกลง AFTA ปี 2565 ช่วงที่ 2
(เดือนกันยายน – ธันวาคม 2565) รวมทั้งพร้อมให้ความร่วมมือในการชะลอการนำเข้ามะพร้าวผลภายใต้กรอบความตกลง WTO กะทิสำเร็จรูป และกะทิแช่แข็ง ออกไปก่อน จนกว่าราคามะพร้าวผลภายในประเทศจะกลับสู่ภาวะปกติ
2. เห็นชอบการใช้มาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard Measure: SSG) สำหรับสินค้ามะพร้าวปี 2565 ในกรณีที่มีการนำเข้ามะพร้าวผลแก่เกินกว่า 305,335 ตัน
ผู้ประกอบการจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 72  เพื่อไม่ให้เกษตรกรได้รับผลกระทบทางด้านราคาจากการที่มีการนำเข้ามากเกินไปจากมาตรการดังกล่าวจะสามารถช่วยลดสต็อกมะพร้าวที่อยู่ในล้งและตามบ้านเรือนของเกษตรกรได้ และคาดว่าจะส่งผลให้ราคามะพร้าวผลแห้ง (ใหญ่) เพิ่มสูงขึ้นกลับมาเป็นผลละ 12 – 15 บาท
ได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ  เป็นไปตามข้อผูกพันตามกรอบความตกลงการค้าระหว่างประเทศ
และช่วยให้เกษตรกรไม่ได้รับผลกระทบจากการเปิดตลาด รวมทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ

ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบการเปิดตลาดและการบริหารการนำเข้าสินค้าเมล็ดถั่วเหลือง และสินค้าน้ำมันถั่วเหลืองและแฟรกชันของน้ำมันถั่วเหลือง มะพร้าวและมะพร้าวฝอย เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าวและแฟรกชันของน้ำมันมะพร้าว 3 ปี (ปี 2566 – 2568) โดยในส่วนของการบริหารจัดการสินค้าเมล็ดถั่วเหลืองผู้มีสิทธินำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองทั้ง 8 สมาคม
ยินดีให้การสนับสนุนและส่งเสริมด้านการผลิต และรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองภายในประเทศ ในราคาตามกลไกตลาด แต่ไม่ต่ำกว่าราคาขั้นต่ำ ตามชั้นคุณภาพ ซึ่งเป็นระดับราคาที่เพิ่มขึ้นจากช่วง ปี 2563 – 2565 อีกกิโลกรัมละ 2.25บาท รวมทั้งยินดี สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรวบรวมผลผลิตเมล็ดถั่วเหลืองให้กับสหกรณ์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชน
เพิ่มเติมอีกในราคากิโลกรัมละละ 2 บาท ทุกชั้นเกรดคุณภาพ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์การเกษตร/วิสาหกิจชุมชนทั้งนี้ …

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอขอบคุณผู้ประกอบการทุกท่าน ที่ร่วมกันช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งการชะลอการนำเข้ามะพร้าวผลจนกว่าราคาในประเทศจะกลับสู่ภาวะปกติ
และให้การสนับสนุนขึ้นราคารับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองให้เกษตรกร รวมถึงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการรวบรวมผลผลิตเมล็ดถั่วเหลืองให้กับสหกรณ์การเกษตรและวิสาหกิจชุมช
นเพิ่มเติม และขอให้เชื่อมั่นว่าทุกปัญหาของเกษตรกร กระทรวงเกษตรฯ พร้อมที่จะเข้าไปเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา และพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนให้เกษตรกรมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

ด้านนายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)
โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า หากพิจารณาข้อมูลการผลิตและการส่งออกมะพร้าวไทย ปี 2565 สศก. พบว่า ไทยมีผลผลิตมะพร้าวประมาณ 0.969 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 5.62 เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยผลผลิตจึงเพิ่มขึ้น โดยผลผลิตส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 70เป็นการผลิตเพื่อการส่งออก แต่เนื่องจากนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ประเทศคู่ค้ามีความต้องการนำเข้าลดลง อาทิสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศยุโรป โดยจะเห็นได้จากปริมาณส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกปี 2565
(มกราคม – กรกฎาคม) มีปริมาณรวม 85,031 ตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ร้อยละ 36.21หรือคิดเป็นมะพร้าวผลประมาณ 115,000 ตัน ดังนั้น ส่งผลทำให้มีปริมาณสต็อกมะพร้าวในประเทศจำนวนมาก ทำให้ราคามะพร้าวผลแห้ง (ใหญ่) ที่เกษตรกรขายได้ลดลง โดยในเดือนกันยายน 2565 เฉลี่ยผลละ 8.19 บาท
ลดลงจากราคาเฉลี่ยผลละ 13.37 บาทในเดือนมีนาคม 2565 ร้อยละ 38.74ทั้งนี้ จากมาตรการตามมติประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
และนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะสามารถช่วยลดสต็อกมะพร้าวและจะส่งผลให้ราคามะพร้าวกลับมาสู่ภาวะปกติภายในปลายปีนี้

จึงขอความร่วมมือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานตามตามมาตรการข้างต้น เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนมะพร้าว รวมทั้งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองและสหกรณ์การเกษตรและวิสาหกิจชุมชนร่วมกัน