กรมข้าวฯ จับมือโรงสีอีสาน หนุนเกษตรกรใช้เมล็ดพันธุ์ดี รับซื้อคืนสูงกว่าท้องตลาด

กรมข้าวฯ จับมือโรงสีอีสาน หนุนเกษตรกรใช้เมล็ดพันธุ์ดี รับซื้อคืนสูงกว่าท้องตลาด

กรมการข้าวส่งเสริมให้เกษตรกรใช้เมล็ดพันธุ์ดีมีคุณภาพ ที่ผลิตโดยศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวหรือศูนย์ข้าวชุมชน
โดยโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะรับซื้อผลผลิตข้าวเปลือกจากชาวนาในราคาสูงกว่าท้องตลาดจากปกติเพิ่มอีก 100 บาท/ตัน

นายอาชว์ชัยชาญ กล่าวว่า เมล็ดพันธุ์นั้นมีความสำคัญต่อคุณภาพข้าวไทย เพราะถือเป็นต้นทางให้กับชาวนาในการนำไปเพาะปลูก เพื่อสร้างผลผลิตในทุกๆฤดู เพราะหากชาวนาได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดี มีมาตรฐาน จะส่งผลให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพดีตามไปด้วยเช่นกัน แต่หากมีการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ไม่มีคุณภาพ เช่น เมล็ดพันธุ์ไม่บริสุทธิ์ มีพันธุ์อื่นปน ก็จะส่งผลให้ผลผลิตที่ได้ไม่มีคุณภาพ ดังนั้นการส่งเสริมการผลิตการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีจึงถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการยกระดับและแก้ปัญหาคุณภาพข้าว ทั้งข้าวหอมมะลิไทยและข้าวเหนียว กข6 ที่มักพบเมล็ดพันธุ์อื่นปนเพิ่มมากขึ้น กรมการข้าวจึงได้ร่วมมือกับสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และศูนย์ข้าวชุมชนที่เข้าร่วมโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวระหว่างผู้ใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี กับผู้ประกอบการโรงสีในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฤดูนาปี 2564/65 ที่จะมาช่วยในการส่งเสริมให้ชาวนาหันมาใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ได้คุณภาพ ที่ผลิตโดยศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวหรือศูนย์ข้าวชุมชน โดยจะรับซื้อผลผลิตข้าวเปลือกจากชาวนาที่มีหลักฐานในการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวจากศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวหรือศูนย์ข้าวชุมชนในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ชาวนาปรับเปลี่ยนการใช้เมล็ดพันธุ์ และสามารถผลิตข้าวที่ดีมีคุณภาพได้

ด้านนายณัฎฐกิตติ์ ของทิพย์ รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ในตอนนี้มีโรงสีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น ยโสธร ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ นครราชสีมา มหาสารคาม และมุกดาหาร รวมแล้ว 112 โรงสี ที่จะเข้ามาช่วยส่งเสริมด้านเมล็ดพันธุ์ให้กับชาวนา โดยพันธุ์ข้าวที่จะนำมาส่งเสริมในโครงการนี้ ได้แก่ข้าวพันธุ์ ขาวดอกมะลิ 105  กข15 และข้าวเหนียว กข6 โดยโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการฯ จะดำเนินการตรวจสอบคุณภาพและรับซื้อผลผลิตข้าวเปลือกจากชาวนาในราคาที่สูงขึ้นตามคุณภาพ และเพิ่มราคารับซื้อจากปกติอีก 100 บาท/ตัน โดยชาวนาจะต้องนำหลักฐานการซื้อเมล็ดพันธุ์จากศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวของกรมการข้าว หรือศูนย์ข้าวชุมชนที่ร่วมโครงการมาแสดง ซึ่งทางโรงสีจะคำนวณปริมาณการรับซื้อผลผลิตจากปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อและผลผลิตเฉลี่ยในแต่ละท้องที่